ชาวพุทธร่วมสรงน้ำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และทำบุญอายุวัฒนมงคลท่านเจ้าคุณวัดแจ้ง
พุทธศาสนิกชนร่วมสรงน้ำพระบรมสาริกธาตุ พระแก้วไพฑูรย์ และทำบุญอายุวัฒนมงคล 82 ปี ท่านเจ้าคุณวัดแจ้ง สงขลา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันอังคารที่ 30 เมษายน 2562 ณ วัดแจ้ง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ได้มีการประกอบพิธีทำบุญอุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดแจ้งทุกรูป พระสงฆ์ทุกรูป รวมถึงผู้มีคุณ ญาติโยมผู้ดูแลวัดแจ้งทุกท่านที่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว และมีการเจริญพระพุทธมนต์ประกอบพิธีอายุวัฒนมงคล 82 ปี พระเดชพระคุณพระพิศาลสิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนแจ้งวิทยา ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสงขลา
ภาคบ่ายเวลา 13.00 น. ได้มีการประกอบพิธีสรงน้ำพระคู่บ้าน คู่วัดแจ้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดแจ้ง คือ พระบรมสาริกธาตุ พระแก้วไพฑูรย์ พระพุทธสิหิงค์ และสรงน้ำพระอาวุโสประจำวัดแจ้ง รวมถึงรดน้ำขอพรครูผู้อาวุโสของโรงเรียนแจ้งวิทยา
ประวัติพระแก้วไพฑูรย์ และพระบรมสาริกธาตุ ตามประวัติประมาณปี พ.ศ 2490 กว่าๆ ได้มีข้าราชการมาจาก กทม. เพื่อมาเยี่ยมหัวเมืองปักษ์ใต้ และได้มาถึงเมืองสงขลา ขนาดนั้นข้าราชการท่านนั้นได้เดินทางมายังวัดแจ้ง อำเภอเมืองสงขลา มาถึงข้าราชการก็ได้เดินเข้าไปกราบพระในพระอุโบสถของวัดแจ้ง ที่ทางวัดได้เตรียมไว้ให้ เมื่อกราบเสร็จข้าราชการท่านนั้นเลยส่งเสียงขึ้นมาว่า
ตามหาอยู่ตั้งนานสุดท้ายองค์ที่สี่อยู่ที่วัดแจ้งสงขลานี้เอง ข้าราชการเล่าความเป็นมาของพระแก้วไพฑูรย์ให้กับเจ้าอาวาสในขนาดนั้นเจ้าอาวาสวัดแจ้งคือ พระมหาแสง ญาณโสภโณ หรือ(พระราชวชิรโมลี) ว่าพระองค์นี้ถูกสร้างขึ้นจำนวน 4 องค์แล้วนำไปประดิษฐานทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย แต่สร้างสมัยไหนนั้นก็ไม่รู้ แต่ทางราชการรู้ที่ประดิษฐานแล้วจำนวน 3 องค์อีกองค์ไม่รู้ว่าประดิษฐานที่ไหน ขนาดนี้รู้แล้ว เมื่อเจ้าอาวาสวัดแจ้งได้ยินอย่างนั้น เลยเข้าไปในอุโบสถแล้วทำการขุดพระองค์นั้นมาเก็บไว้อย่างดี จนเวลาล่วงเลยไปหลายปี ทำให้เจ้าอาวาส พระมหาแสง หรือพระราชวชิรโมลี ได้มอบหมายให้พระลูกศิษย์ของท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดแจ้ง คือท่านพระครูวิภัชธรรมคุณ (ปัจจุบันคือ ท่านเจ้าคุณพระพิศาลสิกขกิจ) ขนาดนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบางดาน อำเภอเมืองสงขลา ท่านพระครูเลยรับเป็นธุระปกครองและดูแลวัดแจ้งต่อจากท่านอาจารย์ในประมาณ 2538 ถึงปัจจุบัน
ตอนที่เข้ามาอยู่ที่วัดแจ้งก็ยังไม่ทราบว่ามีพระแก้วไพฑูรย์องค์นี้อยู่ที่วัด แต่เคยได้ยินอาจารย์เคยเล่าให้ฟัง แต่ท่านก็ไม่ได้เห็นชัดเจน เพราะอาจารย์ท่านเก็บไว้อย่างดีและไม่เคยนำออกมาให้ใครเห็นเลย ตอนที่ได้เข้ามาปกครองวัดแจ้งได้ไม่ได้นานนัก ท่านพระครูเดินทางไปประชุมในภาคกลางหรือภาคเหนือแล้ว มีบุคคลเป็นเหมือนร่างทรงมากราบท่านและบอกท่านว่า ท่านมีของดีอยู่กับตัวหรือมีของดีอยู่ที่วัด ทำไมไม่ยอมนำออกมาให้ประชาชนได้สักการะบูชาบ้าง จากประโยคนี้ทำให้ท่านพระครูคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ออกจากที่ประชุมและเดินทางกลับถึงวัดก็ยังคิดไม่ออกว่าคืออะไรที่ว่าเป็นของดี จนทำให้นึกถึงคำพูดสุดท้ายของท่านอาจารย์ (พระราชวชิรโมลี) เกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุและพระแก้วไพฑูรย์นี้แน่ๆ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่วัดแจ้งหรือเป็นเจ้าอาวาสก็ยังไม่เคยเห็นจริงๆๆว่าเป็นแบบไหน ทำให้ตอนหลังกลับจากประชุม ทุกๆปีของวันที่ 30 เมษายน ท่านจะนำมาให้ประชาชนกราบไหว้สักการะบูชาเป็นประจำทุกปี
เรียบเรียงข่าว นรุตม์ชัย สอนคง
ดูข้อมูลได้จาก เพจ สองเลนิวส์